ข่าว/กิจกรรม

วันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม

UploadImage
ความหมายของวันขึ้นปีใหม่

          วันขึ้นปีใหม่ ตามความหมายในพจนานุกรมให้ความหมายคำว่า "ปี" หมายถึง เวลาชั่วโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครั้งหนึ่งราว 365 วัน หรือเวลา 12 เดือนตามสุริยคติ ดังนั้น "ปีใหม่" จึงหมายถึง การขึ้นรอบใหม่หลังจาก 12 เดือน หรือ 1 ปี
 
ความเป็นมาของ วันขึ้นปีใหม่

          วันขึ้นปีใหม่ มีประวัติความเป็นมาซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยตามความเหมาะสม ตั้งแต่ในสมัยเริ่มแรกเมื่อชาวบาบิโลเนีย เริ่มคิดค้นการใช้ปฏิทินโดยอาศัยระยะต่าง ๆ ของดวงจันทร์เป็นหลักในการนับ เมื่อครบ 12 เดือน ก็กำหนดว่าเป็น 1 ปี และเพื่อให้เกิดความพอดีระหว่างการนับปีตามปฏิทินกับปีตามฤดูกาล จึงได้เพิ่มเดือนเข้าไปอีก 1 เดือน เป็น 13 เดือน ในทุก ๆ 4 ปี

          ต่อมาชาวอียิปต์ กรีก และชาวเซมิติก ได้นำการปฏิบัติของชาวบาบิโลเนียมาดัดแปลงแก้ไขอีกหลายคราวเพื่อให้ตรงกับฤดูกาลมากยิ่งขึ้น จนถึงสมัยของกษัตริย์จูเลียต ซีซาร์ (ประมาณ 46 ปี ก่อนคริสต์ศักราช) ได้นำความคิดของนักดาราศาสตร์ชาวอียิปต์ ชื่อ โยซิเยนิส มาปรับปรุงให้ 1 ปี มี 365 วัน โดยทุก ๆ 4 ปี ให้เติมเดือนที่มี 28 วัน เพิ่มขึ้นอีก 1 วัน เป็น 29 วัน คือ เดือนกุมภาพันธ์ เรียกว่า อธิกสุรทิน เมื่อเพิ่มให้เดือนกุมภาพันธ์ มี 29 วัน ให้ทุก ๆ 4 ปี แต่วันในปฏิทินก็ยังไม่ค่อยตรงกับฤดูกาลนัก คือเวลาในปฏิทินยาวกว่าปีตามฤดูกาล เป็นเหตุให้ฤดูกาลมาถึงก่อนวันในปฏิทิน

          และในวันที่ 21 มีนาคม ตามปีปฏิทินของทุก ๆ ปี จะเป็นช่วงที่มีเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากัน คือเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออก และลับลงตามทิศตะวันตก วันนี้ทั่วโลกจึงมีช่วงเวลาเท่ากับ 12 ชั่วโมงเท่ากัน เรียกว่า วันทิวาราตรีเสมอภาคมีนาคม (Equinox in March) 

          แต่ในปี พ.ศ. 2125 วัน Equinox in March กลับไปเกิดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม แทนที่จะเป็นวันที่ 21 มีนาคม ดังนั้น พระสันตะปาปาเกรกอรี่ที่ 13 จึงทำการปรับปรุงแก้ไขหักวันออกไป 10 วัน จากปีปฏิทิน และให้วันหลังจากวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2125 แทนที่จะเป็นวันที่ 5 ตุลาคม ก็ให้เปลี่ยนเป็นวันที่ 15 ตุลาคม แทน (ใช้เฉพาะในปี พ.ศ. 2125) ปฏิทินแบบใหม่นี้จึงเรียกว่าปฏิทินเกรกอเรียน จากนั้นได้ปรับปรุงประกาศใช้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นของปีเป็นต้นมา

ความเป็นมาวันปีใหม่ในประเทศไทย

          สำหรับวันปีใหม่ในประเทศไทยนั้น แต่เดิมเราถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ซึ่งตรงกับเดือนมกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับคติแห่งพระพุทธศาสนา ที่ถือช่วงเหมันต์หรือหน้าหนาวเป็นการเริ่มต้นปี ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงไปตามคติพราหมณ์ คือถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์ ดังนั้น ในสมัยโบราณเราจึงถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย

          แต่การนับวันปีใหม่หรือวันสงกรานต์ตามวันทางจันทรคติ เมื่อเทียบกับวันทางสุริยคติ ย่อมคลาดเคลื่อนกันไปในแต่ละปี ดังนั้น ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปี พ.ศ. 2432 (ร.ศ. 108) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 เมษายน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงให้ถือเอาวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยนับแต่นั้นมา เพื่อวันปีใหม่จะได้ตรงกันทุกปีเมื่อนับทางสุริยคติ (แม้ว่าวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปีต่อ ๆ มาจะไม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน แล้วก็ตาม) ดังนั้น จึงถือเอาเดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปีนับแต่นั้นมา อย่างไรก็ดี ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่อยู่

          ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการจึงเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน มักจะไม่มีงานรื่นเริงอะไรมากนัก และเห็นสมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน 2477 ขึ้นในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก จนแพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อ ๆ มา โดยในปี พ.ศ. 2479 ก็ได้มีการจัดงานปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด มีชื่อทางราชการว่า "วันตรุษสงกรานต์"
 
เหตุผลเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ จาก 1 เมษายน เป็น 1 มกราคม

          ต่อมาก็ได้มีการพิจารณาเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยมี หลวงวิจิตรวาทการ เป็นประธานคณะกรรมการ และที่ประชุมก็ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ เป็นวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2484 ในวันที่ 24 ธันวาคม ในสมัยคณะรัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยเหตุผลสำคัญก็คือ

          - เป็นการไม่ขัดกับหลักพุทธศาสนาในด้านการนับวัน เดือน และการร่วมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญ

          - เป็นการเลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมศาสนาพุทธ

          - ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก

          - เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย

          ตั้งแต่นั้นมา วันขึ้นปีใหม่ของไทยจึงตรงกับวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี เหมือนดังเช่นวันขึ้นปีใหม่ของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก

เพลงวันปีใหม่

          แน่นอนว่า เพลงที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ ในช่วงวันขึ้นปีใหม่ ก็คือ "เพลงพรปีใหม่" ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 13 ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2494 เมื่อครั้งเสด็จนิวัตพระนครและประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยมีพระราชประสงค์ให้เพลงนี้เป็นพรปีใหม่ที่พระราชทานแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า

          ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องเป็นคำอำนวยพรปีใหม่ แล้วพระราชทานแก่วงดนตรี 2 วง คือ วงดนตรีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำออกบรรเลง ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ์ นำออกบรรเลง ณ ศาลาเฉลิมไทย เป็นครั้งแรกในวันปีใหม่ วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2495 โดยเพลงพรปีใหม่ มีเนื้อร้องดังนี้


          เพลงวันปีใหม่ (เพลงพรปีใหม่ เพลงพระราชนิพนธ์ ร.9)
          
                ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
                คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

                สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
                ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี
                ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
                โปรดประทานพรโดยปรานี ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย

                ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
                ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่ ผองชาวไทยจงสวัสดี
                ตลอดปีจงมีสุขใจ ตลอดไปนับแต่บัดนี้
                ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่เทอญ

 
 
ประวัติการส่ง ส.ค.ส. ในวันปีใหม่

          การส่ง ส.ค.ส. หรือบัตรอวยพรนั้น ประเทศไทยรับวัฒนธรรมมาจากต่างประเทศ ซึ่งนิยมส่งบัตรอวยพรกันมาเป็นเวลากว่า 200 ปีแล้ว ตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 18 หรือตรงกับปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา บัตรอวยพรนี้ปรากฏในรูปแบบ "บัตรเยี่ยม" (Visiting Card) เป็นบัตรกระดาษขนาดเท่าไพ่ นิยมเขียนข้อความ หรือพิมพ์รูปภาพต่าง ๆ ลงไปเพื่อเยี่ยมเยียนกันในวันขึ้นปีใหม่ ต่อมาแพร่หลายไปในเทศกาลต่าง ๆ เช่น วาเลนไทน์ คริสต์มาส มีการส่งพิมพ์และส่งบัตรอวยพรกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น

          สำหรับในประเทศไทยนั้น เชื่อกันว่าบัตรอวยพรปีใหม่ที่เก่าแก่ที่สุดคือ บัตรอวยพรที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประดิษฐ์ขึ้นเมื่อ 120 กว่าปีก่อน โดยในรัชสมัยของพระองค์ เป็นยุคที่มีการติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จึงมีการรับเอาขนบธรรมเนียมของตะวันตกมาด้วย

          ทั้งนี้ การส่งบัตรอวยพรของพระองค์นั้น ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อใด แต่ได้ปรากฏสำเนาคำพระราชทานพรขึ้นปีใหม่ ในปี พ.ศ. 2409 ของพระองค์ ในหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์เดอร์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับวันที่ 13 มกราคม 2409 แปลได้ใจความว่า "ทรงขอส่งบัตรตีพิมพ์คำอวยพรนี้ถึงบรรดากงสุล เจ้าหน้าที่กงสุลต่าง ๆ และชาวต่างประเทศที่ทรงคุ้นเคยโดยทั่วถึงกัน"

          ต่อมาในช่วงต้นรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ความนิยมการส่งบัตรอวยพรแพร่หลายอย่างมาก มีหลักฐานบัตรอวยพรประเภทต่าง ๆ ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเป็นจำนวนมาก โดยมักนิยมส่งกันในช่วงเดือนเมษายน ตามวันขึ้นปีใหม่เดิมที่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน และบนบัตรอวยพรเหล่านั้น ยังพบคำว่า "ส.ค.ศ." หรือ "ส.ค.ส." ปรากฏอยู่ จึงเชื่อกันว่า คำว่า "ส.ค.ส." เกิดขึ้นในรัชสมัยนี้ โดยย่อมาจากคำว่า "ส่งความศุข" หรือ "ส่งความสุข"

          หลังจากนั้น ส.ค.ส. ก็เป็นสิ่งที่นิยมส่งให้กันในวันขึ้นปีใหม่ จนถึงปัจจุบันนี้ และ ส.ค.ส. ก็ได้เปลี่ยนรูปแบบไปมีการนำวัสดุต่าง ๆ มาประดิษฐ์ ตกแต่ง มีรูปแบบ ลวดลายหลากหลายมากขึ้น
 
ส.ค.ส. พระราชทาน

          ทุก ๆ ปี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จะพระราชทานพรปีใหม่ ผ่าน ส.ค.ส. พระราชทาน ซึ่ง ส.ค.ส. พระราชทานนี้ พระองค์ทรงประดิษฐ์ขึ้นเอง เพื่อพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ โดยปีแรกที่พระองค์พระราชทาน ส.ค.ส. คือ ส.ค.ส. พระราชทานสำหรับปี พ.ศ. 2530 โดยทรงพิมพ์ออกจากคอมพิวเตอร์ และแฟกซ์พระราชทานให้แก่หน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ผู้ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท โดยทรงใช้รหัสแทนพระองค์ว่า กส.9 เช่นเดียวกับที่ทรงใช้ติดต่อทางวิทยุสื่อสาร
 
ส.ค.ส พระราชทาน
ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2530


          นับแต่นั้นมา พระองค์ได้พระราชทาน ส.ค.ส. ทุกปี และหนังสือพิมพ์ได้นำ ส.ค.ส. พระราชทานไปตีพิมพ์ เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชน ส.ค.ส. พระราชทาน ได้ยกเว้นไปในปีใหม่ พ.ศ. 2548 ที่พระองค์ไม่ได้พระราชทาน ส.ค.ส. เนื่องจากในช่วงปลายปี 2547 ได้เกิดเหตุการณ์คลื่นสึนามิซัดเข้าชายฝั่งทะเลอันดามันอย่างรุนแรง พระองค์จึงทรงงานหนัก เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ได้มีรับสั่งพระราชทานแทน

         ในส่วนของข้อความที่ปรากฏบน ส.ค.ส. พระราชทานนั้น ล้วนสอดคล้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองในปีนั้น ๆ และแม้จะเป็นเพียงถ้อยคำสั้น ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยข้อคิด และคติเตือนใจที่ส่งผ่านไปยังปวงชนชาวไทยทุกคน  
 
ส.ค.ส พระราชทาน
                                              ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2547
 
         สำหรับรูปแบบของ ส.ค.ส. พระราชทานนั้น ในยุคแรกเป็น ส.ค.ส. ไม่มีลวดลาย สีขาว-ดำ มีข้อความปรากฏสั้น ๆ ต่อมาจนถึงปี พ.ศ. 2532 เริ่มมีลวดลายประดับประดา ส.ค.ส. มากขึ้น จนถึงในปี พ.ศ. 2549 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นภาพสี           
 
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2559
 
ส.ค.ส.พระราชทาน
 
         
         ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2559 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ครึ่งพระองค์ ฉลองพระองค์เสื้อปักรูปคุณทองแดง พร้อมข้อความทรงอวยพร "ให้มีกำลังกายที่แข็งแรง มีกำลังใจที่เข้มแข็งหนักแน่น และมีสติรู้เท่าทันอยู่เสมอ" 
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2558
 
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2558
 
 
         ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2558 เป็นรูปพระมหาชนก ขณะที่ทรงว่ายน้ำทวนกระแสอย่างเชี่ยวกราด และมีนางมณีเมขลา อยู่ที่ด้านขวาบนของภาพ เฝ้ามองพระมหาชนก และข้อความว่าทางมุมบนซ้ายว่า "ส.ค.ส. พ.ศ. 2558 สวัสดีปีใหม่" และข้อความตรงกลางว่า "ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์" และข้อความด้านล่างขวาว่า "ขอจงมีความสุขความเจริญ Happy New Year"

ส.ค.ส. พระราชทาน 2557         
 
ส.ค.ส.พระราชทาน 2557
 
 
           ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2557 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฉลองพระองค์สากลสีน้ำเงินเข้ม ทรงผูกเนกไทสีเขียวอ่อน มีลวดลายเข้าชุดกับผ้าปักพระกระเป๋า ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว ฉลองพระบาทสีดำ
 
           พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประทับพระเก้าอี้สีขาว หน้าพระแกล หรือหน้าต่าง ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล หัวหิน ทรงฉายกับคุณทองแดง สุนัขที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 สวมเสื้อสีเหลือง หมอบอยู่แทบพระบาทด้านขวา
 
           ด้านขวาบน มีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับ ส่วนด้านซ้าย มีผอบทองประดับ ด้านล่างของผอบทอง มีตัวอักษรสีเหลือง ข้อความว่า "ส.ค.ส. 2557" และตัวอักษรสีส้ม ข้อความว่า "สวัสดีปีใหม่"
 
           ด้านขวา ใต้ตราพระมหาพิชัยมงกุฎ มีข้อความภาษาไทยพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีฟ้า ว่า "ขอจงมีความสุขความเจริญ" และข้อความภาษาอังกฤษ พิมพ์ด้วยตัวอักษรสีเขียวเข้ม ว่า "HAPPY NEW YEAR 2014"
 
           ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีแถบสีเขียวเข้ม มุมล่างขวามีข้อความ "ก.ส.9 ปรุง 060931 ธ.ค.56 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvannachad publishing, D Bromaputra. Publisher"
 
           กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็ก ๆ เรียงกันด้านละ 3 แถว ส่วนด้านบนและด้านล่างเรียงกันด้านละ 2 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม

ส.ค.ส. พระราชทาน 2556 
 
ส.ค.ส.พระราชทาน 2556
 
          ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประจำปีพุทธศักราช 2556 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฉลองพระองค์เชิ้ตลำลองสีฟ้า มีลายเส้นสีชมพูและสีฟ้าเข้มพาดตัดกัน พระสนับเพลาสีดำ และฉลองพระบาทสีดำ ประทับบนพระเก้าอี้ ด้านขวาของพระเก้าอี้ที่ประทับ มีโต๊ะกลม วางพระบรมฉายาลักษณ์ครอบครัว และเชิงเทียนแก้ว 
 
           โดยใน ส.ค.ส. พระราชทานปีนี้ พระองค์ทรงฉายพระรูปร่วมกับสุนัขทรงเลี้ยง คือคุณทองแดง ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 โดยคุณทองแดงสวมเสื้อสีทอง หมอบอยู่แทบพระบาทด้านขวา และคุณมะลิ แม่เลี้ยงคุณทองแดง สวมเสื้อสีทอง หมอบอยู่แทบพระบาทด้านซ้าย
 
           ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับ ตกแต่งด้วยดอกกล้วยไม้หลากสี ด้านขวาบนมีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับ ส่วนด้านซ้ายมีผอบ (ผะ-อบ) ทองประดับ
 
           ด้านล่างของผอบทอง มีตัวอักษรสีทอง ข้อความว่า ส.ค.ส. พ.ศ. 2556 สวัสดีปีใหม่ และตัวอักษรสีขาว ข้อความว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ HAPPY NEW YEAR
 
           ด้านขวา ใต้ตราพระมหาพิชัยมงกุฎ มีข้อความพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีเหลือง ข้อความว่า "ความเมตตาเป็นคุณธรรมนำความสุข ช่วยปลอบปลุกปรุงใจให้หรรษา ความกตัญญูรู้คุณผู้เมตตา ทวีค่าของน้ำใจไมตรีเอย"
 
           ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีแถบสีม่วงเข้ม มุมล่างซ้ายมีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 181122 ธ.ค. 55 (กอ สอ เก้า ปรุง สิบแปด สิบเอ็ด ยี่สิบสอง ทอ คอ ห้าห้า) พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร, ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvarnnachad publishing, D Bramaputra, Publisher
 
           กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานปีนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็ก ๆ เรียงกัน ด้านซ้ายและด้านขวาเรียงกันด้านละ 3 แถว ส่วนด้านบนและด้านล่างเรียงกันด้านละ 2 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2555  
 
ส.ค.ส.พระราชทาน 2555
 
           ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปีพุทธศักราช 2555 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฉลองพระองค์สากลสีเทาลายริ้วสีอ่อน ปกด้านซ้ายทรงประดับเข็มเครื่องหมายมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิที่พระราชทานกำเนิดและทรงดำรงตำแหน่งพระบรมราชูปถัมภก ทรงผูกเนกไทสีแดงลวดลายสีทอง เข้าชุดกับผ้าปักพระกระเป๋า ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว
       
           ประทับบนเก้าอี้ ด้านข้างพระเก้าอี้ที่ประทับทั้งสองข้าง มีโต๊ะกลม โต๊ะด้านขวาวางแจกันขนาดเล็กปักดอกไม้หลากสี ทรงฉายร่วมกับสุนัขทรงเลี้ยง คือ คุณทองแดงที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 สวมเสื้อสีทอง หมอบอยู่แทบพระบาท หน้าพระเก้าอี้ด้านซ้าย 
       
           ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับตกแต่งเป็นสวนดอกไม้ประดับ ด้านซ้ายมีระแนงไม้สีขาว ประดับอักษรชมพู ข้อความภาษาไทยว่า สวัสดีปีใหม่ และข้อความภาษาอังกฤษว่า Happy New Year ด้านขวามีต้นสนประดับเครื่องตกแต่ง ฉากหลัง เป็นผ้าม่านสีเทาอ่อน ด้านซ้ายบน มีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับ ส่วนด้านขวามีผอบทองประดับ
       
           ตรงกลาง ส.ค.ส. ด้านขวา มีข้อความจากบทพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ซึ่งเป็นคำตอบที่พระมหาชนกทรงตอบนางมณีเมขลาว่า "ถึงจะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่าย อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น" ทรงเตือนสติให้คนไทยทั้งหลายมีความเพียร เช่นเดียวกับพระมหาชนก ที่ทรงอดทนว่ายน้ำในมหาสมุทรด้วยความเพียร จนรอดชีวิต ประโยชน์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจาการกระทำ ไม่ได้เกิดจากแค่เพียงความคิด
       
           ตรงกลาง ส.ค.ส. ด้านซ้าย มีข้อความภาษาไทยพิมพ์ด้วยสีชมพูขอบสีเหลืองว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ 2555 และข้อความภาษาอังกฤษพิมพ์ด้วยสีแดงขอบสีเหลืองว่า Happy New Year 2012 
       
           ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีข้อความเป็นตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีน้ำเงินว่า ขอจงมีความสุข ความเจริญ มุมล่างขวา มีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 185029 ธค. 54 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร, ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvarnnachad publishing, D Bramaputra , Publisher
       
           กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็ก ๆ เรียงกันด้านละ 3 แถว ส่วนด้านบนและด้านล่างเรียงกันด้านละ 2 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2554 
 
ส.ค.ส.พระราชทาน 2554
 
          ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปีพุทธศักราช 2554 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงฉลองพระองค์สากลสีครีมผ้าปักพระกระเป๋าเป็นผ้าลายริ้วสีเหลืองสลับเทา ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว ทรงผูกเนกไทลายริ้วสีเหลืองสลับเทา ประทับบนพระเก้าอี้ ด้านข้างพระเก้าอี้ที่ประทับทั้งสองข้างมีโต๊ะสูง โต๊ะด้านซ้ายวางแจกันแก้วก้านสูงปักดอกไม้หลากสี โต๊ะด้านขวาวางแจกันแก้วขนาดเล็กปักดอกไม้หลากสีเช่นกัน ทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยง 2 สุนัข คือ คุณทองแดง ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 หมอบอยู่หน้าพระเก้าอี้ด้านขวา และคุณทองแท้ ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2542 หมอบอยู่หน้าพระเก้าอี้ด้านซ้าย
 
           ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับเป็นผ้าม่านสีเทาอ่อน มีแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ปักดอกกุหลาบและดอกไฮเดรนเยียหลากสีตั้งอยู่ 2 แจกัน แจกันด้านซ้ายมีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับอยู่ ส่วนแจกันด้านขวามีผอบทองประดับอยู่ ถัดไปทางด้านหลังทั้งสองด้านมีกระถางไม้ประดับตั้งอยู่
 
           มุมบนด้านซ้ายมีตัวอักษรสีเหลือง ข้อความว่า ส.ค.ส. สวัสดีปีใหม่ 2554 มุมบนด้านขวามีข้อความภาษาอังกฤษ Happy New Year 2011
 
           ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีข้อความเป็นตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีน้ำเงินว่า ขอจงมีความสุข ความเจริญ มุมล่างขวา มีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 121923 ธ.ค. 53 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร, ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvarnnachad publishing, D Bramaputra, Publisher กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้เป็นภาพใบหน้าคนเล็ก ๆ เรียงกันด้านละ 3 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2553 
 
ส.ค.ส.พระราชทาน 2553
 
           ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปีพุทธศักราช 2553 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฉลองพระองค์แจ็กเก็ตสีชมพูเข้ม ปักรูปคุณทองแดงที่ด้านซ้ายของพระอุระ ทับฉลองพระองค์ชั้นในสีขาว พระสนับเพลาสีกากี ฉลองพระบาทกีฬาสีเทา-ดำ ประทับบนเก้าอี้หวาย ที่ตั้งอยู่กลางสนามหญ้าและสวนดอกไม้ ทรงฉายกับคุณทองแดงและคุณทองหลาง สุนัขทรงเลี้ยง ที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างพระเก้าอี้ทั้งสองด้าน ใต้ภาพคุณทองแดงและคุณทองหลางมีชื่อกำกับอยู่ทั้งสองสุนัข
       
           มุมด้านบนซ้ายมีตราพระมหาชัยพิชัยมงกุฎ และตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีเหลืองว่า ส.ค.ส. 2553 (สอ คอ สอ สองพันห้าร้อยห้าสิบสาม) ส่วนมุมบนด้านขวามีตราผอบทอง ถัดเข้ามามีข้อความภาษาอังกฤษ Happy New Year 2010 (แฮปปี้ นิวเยียร์ ทูเทาว์ซันต์แอนด์เท็น)
       
           ด้านล่าง ส.ค.ส. มีข้อความเป็นตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีเหลืองว่า สวัสดีปีใหม่ ขอจงมีความสุขความเจริญ และมีตัวเลขสีชมพู ระบุวันเดือนปีว่า 2009 12 27 / 15:25 (สองพันเก้า สิบสองยี่สิบเจ็ด / สิบห้า ยี่สิบห้า)
       
           กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพหน้าคนเล็ก ๆ เรียงกัน ด้านบนและด้านล่างเรียงกันด้านละสองแถว ด้านข้าง ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาเรียงกันละ 3 แถว นับรวมกันได้ 418 หน้า ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม
       
           บนกรอบ ส.ค.ส. ด้านล่างมีแถบสีชมพู บนแถบมีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 152527 ธ.ค. 52 (กอ สอ เก้า สิบห้า ยี่สิบเจ็ด ทอ คอ ห้าสอง) พิมพ์ที่โรงพิมพ์ สุวรรณชาด ท.พรหมบุรษ. ผู้พิมพ์โฆษณา) Printed at the Suvarnnachad publishing, D Bramapulra, Publisher
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2552            
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2552
 
           ส.ค.ส. พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพุทธศักราช 2552 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฉลองพระองค์สากลสีน้ำตาลอ่อน ผ้าปักพระกระเป๋าสีฟ้าสดใส ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว ทรงผูกเนกไทสีฟ้าอ่อน ประทับบนพระเก้าอี้ ทรงฉายกับคุณทองแดง สุวรรณชาด ที่นั่งอยู่ข้างพระเก้าอี้ และคุณนายแดง แม่ของคุณทองแดง ที่หมอบเฝ้าอยู่อีกข้างหนึ่ง 
 
           ฉากหลังของ ส.ค.ส. เป็นสนามหญ้าในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน มีต้นไม้ใหญ่และต้นชวนชมดอกสีชมพู
 
           มุมบนด้านซ้าย มีตราสัญลักษณ์ 2 ตรา คือ ตราพระมหาพิชัยมงกุฎ และผอบทอง ระหว่างตราสัญลักษณ์ทั้งสอง มีตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีเหลืองว่า ส.ค.ส. 2552 ใต้ลงมามีข้อความภาษาอังกฤษ Happy New Year 2009
 
           มุมบนด้านขาว มีข้อความเป็นตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีเหลืองว่า สวัสดีปีใหม่ ขอจงมี...ความสุข...ความเจริญ ด้านล่างขวา มีตัวเลขสีแดง ระบุวันเดือนปีที่ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ว่า 2008 12 17 / 17:11
 
           กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพหน้าคนเล็ก ๆ เรียงกันด้านละ 3 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม ในกรอบด้านล่างมีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 192231 ธ.ค. 51 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร, ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvarnnachad publishing, D Bramaputra, Publisher
 
           ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพรปีใหม่ และ ส.ค.ส. พระราชทานปี 2552 แก่ปวงชนชาวไทยนั้น คุณทองแดง สุวรรณชาด ได้หมอบเฝ้าอยู่แทบพระบาทหลังพระเก้าอี้ตลอดเวลา
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2551
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2551
 
         ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปีพุทธศักราช 2551 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฉลองพระองค์ชุดปกติขาวประทับฉายพระรูปกับคุณทองแดง สุวรรณชาด และเหลน จำนวน 4 สุนัข ซึ่งพระราชทานชื่อว่า กันนิ ราชปาลยัม จิปปิปะไร และคอมไบ ตามชื่อพันธุ์สุนัขของอินเดีย ที่ใช้เป็นแบบปั้นรูปสุนัข ซึ่งเป็นบริวารของพระตรีมูรติ คือ กันนิ เพศเมียนั่งบนพระเพลา ราชปาลยัม เพศเมีย ยืนด้านขวา จิปปิปะไร เพศผู้ นั่งด้านหน้าใกล้พระบาทขวา และคอมไบ เพศเมีย ยืนด้านซ้าย
       
           ด้านล่างมีข้อความเป็นตัวหนังสือสีเหลืองว่า สวัสดีปีใหม่ ขอจงมีความสุขความเจริญ และมีตัวเลขสีแดง 2007 12 21 และเวลา 16:52 โดยมุมบนซ้ายมีตราสัญลักษณ์ 2 ตรา คือ ตราพระมหาพิชัยมงกุฎ และผอบทอง ใต้ลงมามีข้อความ ส.ค.ส. 2551 ส่วนมุมบนด้านขวามีตัวหนังสือสีเหลืองว่า Happy New Year 2008 และตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
       
           กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้เป็นภาพใบหน้าคนเล็ก ๆ เรียงกันด้านละ 2 แถว รวม 373 หน้า ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม ในกรอบด้านล่าง มีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 23 20 10 ธ.ค. 50 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvarnnachad publishing, D.Bramaputra, Publisher
       
           ทั้งนี้ ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพรปีใหม่ และ ส.ค.ส. พระราชทาน ปี 2551 แก่ปวงชนชาวไทยนั้น คุณทองแดง สุวรรณชาด ได้หมอบเฝ้าอยู่แทบพระบาทตลอดเวลา  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2550     
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2550
 
         ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปีพุทธศักราช 2550 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฉลองพระองค์พระกรยาวสีเหลือง ปักตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ประทับบนพระเก้าอี้ ทรงฉายกับคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง และลูกสุนัขที่เป็นเหลนของคุณทองแดงอีก 9 สุนัข พระกรหนึ่งทรงอุ้มลูกสุนัข 1 สุนัข อีกพระกรหนึ่งทรงถือกล้องถ่ายภาพ ที่พื้นแทบพระบาท มีลูกสุนัขอีก 8 สุนัข พร้อมด้วยคุณทองแดงหมอบเฝ้าอยู่
       
           มุมบนด้านซ้าย มีตราสัญลักษณ์และตัวหนังสือสีเหลืองทอง ข้อความว่า ส.ค.ส. พ.ศ. 2550 สวัสดีปีใหม่ มุมบนด้านขวา มีตราสัญลักษณ์ พร้อมข้อความภาษาอังกฤษ ว่า HAPPY NEW YEAR 2007 ด้านล่างมีข้อความว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ และมีตัวเลขสีแดง ระบุวันเดือนปีที่ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ว่า 2006 12 28 1800 ด้านล่างสุดมีข้อความ กส. 9 ปรุง 29 23 05 พ.ค. 49 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ช.พรหมบุตร ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at The Suwannachaad Publishing C.Phrombutr Publisher
       
           กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานแผ่นนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็ก ๆ ทุกใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม

ส.ค.ส. พระราชทาน 2549        
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2549
 
           ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปีพุทธศักราช 2549 ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชทานแก่พสกนิกรนั้น เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฉลองพระองค์สีเขียว มีภาพปักรูปคุณทองแดงที่พระกระเป๋าด้านซ้าย ทรงฉายคู่กับคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง
       
           ด้านล่างนี้มีข้อความเป็นตัวหนังสือสีน้ำตาลขอบเหลืองว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ Happy New Year และมีตัวเลขสีแดง 2005 12 07 16:44 มุมบนด้านซ้าย เป็นตัวหนังสือสีเหลืองสลับส้ม ข้อความว่า ส.ค.ส. พ.ศ. 2549 สวัสดีปีใหม่ มุมบนด้านขวา มีตราสัญลักษณ์ 2 ตราเรียงกันลงมา และที่ใต้เส้นสีส้มสลับเหลือง ด้านซ้าย มีตัวหนังสือสีแดง ข้อความ ก.ส.9 ปรุง 27 21 49 ธ.ค. 48
       
           ด้านขวามีข้อความ พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvarnnachad, D.Brahmaputra, Publisher 
 
           ส่วนกรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพหน้าคนเล็ก ๆ เรียงกันด้านละ 3 แถว รวม 696 หน้า ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม


ส.ค.ส. พระราชทาน 2547 
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2547
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2545  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2545
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2544  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2544
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2543  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2543
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2542  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2542
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2541  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2541
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2540  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2540
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2539  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2539
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2538  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2538
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2537
 
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2537
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2536  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2536
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2535  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2535
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2534  
 
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2534
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2533  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2533
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2532  
 
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2532
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2531  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2531
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2530  
 
ส.ค.ส. พระราชทาน 2530
 
กิจกรรมวันขึ้นปีใหม่  
 
          กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันขึ้นปีใหม่ คือ
 
          - เก็บกวาดทำความสะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
 
          - ทำบุญตักบาตร กรวดนำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติและผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้ว
 
          - ไปวัดเพื่อทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือฟังพระธรรมเทศนา ฯลฯ เพื่อให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสเบิกบาน ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
 
          - ไปกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง ด้วยการมอบของขวัญ ช่อดอกไม้ หรือการ์ดอวยพร
 
          - ตรวจสอบตัวเองเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำมาตลอดปี ว่ามีความเจริญก้าวหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหน หากมีสิ่งใดคั่งค้างก็ต้องเร่งขวนขวายปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดีก็ให้ตั้งใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และควรให้อภัยกับผู้ที่มีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นเคืองกัน เพื่อสานความสัมพันธ์ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยดี
 
          - จัดงานรื่นเริงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือสถานที่ต่าง ๆ
 
          - จัดกิจกรรมร่วมนับถอยหลัง เพื่อก้าวสู่วันใหม่
 
          - จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ
view: 878 shares: