7 วัน 7 กลยุทธ์ธุรกิจดิจิทัล โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
หลายครั้งธุรกิจพยายามที่จะมุ่งไปที่การซื้อโฆษณา การ Boost Post เพื่อการเพิ่มยอดรีวิวใน Page หรือ Channel ต่าง ๆ หรือ ให้ความสนใจในโพสที่มีการไลค์มาก ๆ หรือ แม้แต่การที่มีการส่งต่อของ Content เยอะ ๆ แต่ความจริง คือ
การซื้อโฆษณา ไม่ได้หมายถึง มีคนสนใจจริง
การมีไลค์เยอะ ไม่ได้หมายถึง มีคนชอบจริง ๆ
การมีแชร์มาก ไม่ได้หมายถึง ขายของได้และมีตังค์
ถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจควรจะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดและมีกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจดิจิทัล ขอเสนอ 7 กลยุทธ์7 ธุรกิจดิจิทัล ดังนี้
1. การปรับแต่งโซเชียลมีเดียจะเป็นสิ่งจำเป็น (Social Media Optimization – SMO) เมื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กกลายเป็นช่องทางหลายองค์เริ่มเข้ามาใช้กันมากขึ้นในการสื่อสารกับลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย การปรับแต่งโซเชียลเน็ตเวิร์กให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การวางแผนให้เกิดการแชร์และกระจายข้อมูลออกไปมากที่สุด, การติดตั้งเครื่องมือต่างๆที่ทำให้ผู้ใช้ร่วมส่วนร่วมมากขึ้น เช่น ปุ่มแชร์, ปุ่มชอบ (Likes), ปุ่มส่งต่อ (Retweet), สร้างลิงค์กลับมายังเว็บไซต์ หรือ เกิดการซื้อสินค้าให้มากที่สุด
2. หาผู้มีอิทธิพลออนไลน์จะมีบทบาทในการสร้างกระแส (Online Influencer) เมื่อคนสื่อสารกันในโลกออนไลน์ของโซเชี่ยลเน็ตเวิรก์มากขึ้น คนที่มีคนติดตามมาก ๆ และสอดรับกับธุรกิจของเรา
3. ระบุตำแหน่ง (Location) เมื่ออุปกรณ์หลายอย่างสามารถระบุตำแหน่งของผู้ใช้ได้ เช่น มือถือ,แท็ปเล็ต, กล้องถ่ายรูป หรือ รถยนต์ และแอ็พพลิเคชั่นที่สามารถนำตำแหน่งของคน มาใช้ประยุกต์กับการตลาดได้ไม่ยากเช่น Foursquare, Google Map, Facebook Place ทำให้ “ตำแหน่งของลูกค้า” เริ่มเข้ามามีบทบาท และจะทำให้การสื่อสารไปหาลูกค้ามีความแม่นยำ และเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น ร้านโดนัทที่สยามสแควร์สามารถรู้ได้ทันทีว่า ใครคือลูกค้าที่เข้าซื้อสินค้าของร้านค้าเค้าบ่อยๆ จากประมาณการ Check in ของลูกค้าผ่านโปรแกรมต่างๆ ทางมือถือ
4. เชื่อมโยงกับโลกออฟไลน์ (O2O Marketing) การตลาดบนโลกออนไลน์ จะเริ่มเข้าไปมีบทบาทเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจหน้าร้านค้าปกติ (ออฟไลน์) พยายามนำผู้คนจากออนไลน์ ไปสู่ธุรกิจออฟไลน์ให้ได้
5. ใช้เทคโนโลยีให้ฉลาด (Semantic Technology) นำข้อมูลแต่ละอย่างจะสามารถนำมาเชื่อมโยงและสร้างให้เกิดข้อมูลรูปแบบใหม่ที่เหมาะสมกับตัวคุณโดย อัตโนมัติและทันที (Real Time) ดังนั้น นักการตลาดเริ่มจะเห็นความสำคัญของข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ นำมาประกอบกันเพื่อสร้างกลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ๆ
6. รู้ลึกถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยการวิเคราะห์จากพฤติกรรมทางออนไลน์ (Behavioral Marketing & Analytic) เราสามารถเข้าใจและเจาะลึกลงไปถึงพฤติกรรมของลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายเราได้ง่ายมากขึ้น เพราะด้วยข้อมูลมากมายมหาศาลที่อยู่ในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ (Web Log) หรือ ข้อมูลการใช้งานโซเชี่ยลเน็ตเวิรก์ หรือแม้แต่การพูดคุยสื่อสารผ่านทางออนไลน์ต่างๆ สามารถรวบรวมนำมาวิเคราะห์ เพื่อทำให้เราเข้าใจถึงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าเรามากขึ้น โดยมีเครื่องมือต่างๆ ออกมาช่วย เช่น Google Analytics, Insight, Social Listening, หรือ Social Monitoring เพื่อทำให้เราสามารถเข้าใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
7. หล่อหลอมรวมเข้าด้วยกัน (Media Convergence) เมื่อเทคโนโลยีและสื่อมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย โดยทุกอย่างจะเริ่มถูกนำมาหล่อหลอมรวมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การใช้วิธีไดวิธีหนึ่งอาจจะไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้นเราจะเริ่มเห็นการสื่อสารเต็มรูปแบบ เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในการทำการตลาดยุคใหม่ โดยมีกลยุทธ์และเทคโนโลยีหลากรูปแบบภายใต้แคมเปญหรือกลยุทธ์หลักกลยุทธ์เดียว
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง
#สาขาวิชาการจัดการธุรกิจดิจิทัล
#คณะบริหารธุรกิจ #SPU