Facebook Look alike
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา

การขยายกลุ่มลูกค้าบน Facebook ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สามารถที่จะส่งข้อมูลของสินค้าหรือธุรกิจไปสู่กลุ่มคนเหล่านี้ได้โดย facebook Look alike

Facebook Look alike คือเครื่องมือที่สำหรับการยิงโฆษณาหรือยิงโพสวิดีโอไปสู่กลุ่มเป้าหมาย

โดยให้ Facebook ให้ช่วยสร้างกลุ่มคนที่มีลักษณะคล้าย ๆ กับฐานข้อมูลของเราหรือฐานลูกค้าของเราที่มีนั่นเองทำการสร้างกลุ่มคนที่มีพฤติกรรม ความชอบ และ กลุ่มเป้าหมาย ที่มีความคล้ายคลึงกับคนในแฟนเพจของเรา เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น

การใช้เครื่องมือ Facebook Look alike สามารถนำไปใช้และผสมผสานกับเว็บไซต์ของธุรกิจ โดยการทำงานร่วมกับการใช้กับ ​Facebook Pixel (Facebook PIxel คือ Code  สำหรับติดไว้บนเว็บไซต์เพื่อทำให้ Facebook รู้จัก) สำหรับเวลาไปซื้อโฆษณาทาง Facebook จะทำการ Remarketing หรือ เอาข้อมูลที่เก็บได้จากเว็บไซต์มากำหนดกลุ่มเป้าหมายต่อไปว่าต้องการให้โฆษณาไปแสดงผลที่ใคร

หรือสามารถนำไปผสมกับการใช้ในการทำ ​E-Mail Marketing  โดยการให้ ​Facebook ช่วยสร้าง Look alike กลุ่มคนที่มีลักษณะคล้ายๆกับเจ้าของ E-mail ที่คุณมีอยู่ไปค้นหาใน ​ Facebook

ขั้นตอนในการทำโฆษณาบน Facebook โดยทั่วไป มีดังนี้

1. การสร้าง Campaign เพื่อบอกถึงวัตถุประสงค์ที่คุณต้องการทำโฆษนา ตัวอย่างเช่น โปรโหมดเพจ โปรโหมดโพส โปรโหมดวิดีโอหรือส่งคนไปที่เว็บไซต์

2. กำหนด Advert Set หรือ ชุดโฆษณา จุดนี้ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญที่สุดในการทำโฆษณา เพราะว่าใน Advert Set จะเป็นตัวกำหนดว่ากลุ่มเป้าหมาย คือใคร งบประมาณในการทำโฆษณาเท่าไหร่ ระยะเวลาในการทำโฆษณายาวนานขนาดไหน ทำวันไหน หยุดวันไหน

3. การทำโฆษณา โดยการโพสแล้วเลือกโพสที่ต้องการโฆษณา หรือวิดีโอที่คุณต้องการทำโฆษณา

ส่วนขั้นตอนที่ Facebook Look alike เข้าไปเกี่ยวข้อง คือ ….ขั้นตอนที่ 2 คือการกำหนด Advert Manager  โดยการไปกำหนด Audiences เพื่อทำการกำหนดว่ากลุ่มเป้าหมาย แล้วเลือก “กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน” โดยสิ่งที่สำคัญคือ…

การกำหนดแหล่งที่มาโดยเป็นชื่อเพจเฟสบุ๊คของเรา ถ้ากลุ่มเป้าหมายคือคนไทย ให้ใส่ประเทศให้ใส่ ไทย (TH) (แล้วแต่กลุ่มลูกค้า) และกำหนดขนาดกลุ่มเป้าหมาย โดยทำการเลือกตั้งแต่ 1% ถึง 10% ครับ (ค่า % ยิ่งน้อย = กลุ่มเป้าหมายเล็ก แต่ตรงตามความต้องการ) 

อย่างไรก็ตาม ต้องรอทาง Facebook พิจารณาและอนุมัติก่อนจึงจะทำการสร้างโฆษณาได้ตามปกติ โดยการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

ทริป….ให้ตรวจสอบผลการโฆษณาด้วยการเปรียบเทียบ CTR (Click Through Rate) ระหว่างการทำโฆษณาปกติ กับ การโฆษณาจาก Facebook Look alike เพื่อวัดผลประสิทธิภาพการโฆษณาและความคุ้มค่า

#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง
#สาขาวิชาการจัดการธุรกิจดิจิทัล
#คณะบริหารธุรกิจ #SPU