ผลงานทางวิชาการ

พรประไพ แต่งเจริญพาณิชย์

 

          หากส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ หมายความว่า กิจการมีหนี้สินรวมสูงกว่าสินทรัพย์รวม ซึ่งส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ มักเกิดจากสาเหตุหลัก คือ

          กรณีที่ 1 การขาดทุนสะสมมากเกินไป โดยปกติหากกิจการมีกำไรก็จะบันทึกกำไรนั้น เป็นกำไรสะสมในงบแสดงฐานะการเงิน ซึ่งทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้ามถ้ากิจการขาดทุน ส่วนที่ขาดทุนนั้นก็จะนำมาหักในส่วนของกำไรสะสมของกิจการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และหากกำไรสะสมถูกหักออกจนหมด ก็จะเปลี่ยนเป็นขาดทุนสะสมและถูกนำไปหักกับส่วนทุนอื่นๆ หากส่วนทุนถูกหักออกจนหมดแล้ว ส่วนของผู้ถือหุ้นจะเริ่มมีการติดลบ  กรณีที่ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบซึ่งเกิดจากขาดทุนสะสม ถือเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องระวัง เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่า กิจการกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก เสี่ยงต่อการขาดสภาพคล่องจนนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ได้

          กรณีที่ 2 การซื้อหุ้นคืน เป็นจำนวนมาก ในบางกิจการหากมีเงินสดคงเหลือเป็นจำนวนมากและไม่มีแผนที่จะลงทุนอะไรเพิ่มเติม อาจใช้เงินสดเข้าซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นคนอื่นในตลาด หลังจากนั้นอาจทำการลดทุน แต่บางครั้งการซื้อหุ้นคืนเป็นจำนวนมาก อาจทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเกิดติดลบ แต่โดยปกติแล้วกิจการเหล่านี้มักจะมีกำไรสะสมที่แข็งแกร่ง สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ในเวลาไม่นานและส่วนของผู้ถือหุ้นก็จะกลับมาเป็นบวก การซื้อหุ้นคืนมักเกิดขึ้นกับบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่นิยมจ่ายเงินปันผลเนื่องจากต้องเสียภาษีค่อนข้างสูง การซื้อหุ้นคืนจึงเป็นอีกวิธีที่จะเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุน เพราะจะทำให้กำไรต่อหุ้น หรือ EPS เพิ่มสูงขึ้น 

          ดังนั้น จึงควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าการติดลบนั้นมาจากการขาดทุนสะสมต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล หรือมาจากการซื้อหุ้นคืน ซึ่งหมายถึง กิจการกำลังทำให้นักลงทุน ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นนั่นเอง

 

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

1) https://www.investopedia.com/ask/answers/08/negative-shareholder-equity.asp

2) https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/thai/financial-statement/latest/balance

3) https://finance.yahoo.com/quote/SBUX/balance-sheet?p=SBUX