ความท้าทายในการประกอบธุรกิจยุคดิสรัปชั่น…รับมือด้วยการเรียนบัญชี SPU
06
Oct
นายณัฐวุฒิ สิ้นเคราะห์
นักศึกษาหลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิต
คณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ประการแรก คือความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของลูกค้าและเทคโนโลยี ทำให้ไม่สามารถกำหนดทิศทางหรือกลยุทธ์ในระยะยาวได้ ประการที่สอง คือโลกที่เปลี่ยนแปลงกฎให้เปลี่ยนไป ซึ่งสมัยก่อนการทำธุรกิจปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่ยุคปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็น ถึงจะเล็กแต่หากเร็วกว่าย่อมได้เปรียบ ทำให้การทำธุรกิจแบบเดิมไม่ได้ผลอีกต่อไป ประการที่สาม คือบทบาทของเทคโนโลยีมีผลสำคัญต่อการทำธุรกิจ หากไม่นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการธุรกิจ ธุรกิจอาจจะก้าวถอยหลังคู่แข่ง ประการที่สี่ คือ ข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็น ยิ่งในโลกยุคดิจิทัลด้วยแล้ว การเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย รวดเร็ว และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ และประการสุดท้าย คือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถกำหนดได้ ด้วยโลกยุคนี้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา บางครั้งอาจเกิดก่อนเวลาที่เหมาะสมเป็นเหตุให้สินค้าขององค์กรอาจจะเก่าและล้าสมัยก่อนเวลา การเตรียมตัวและปรับตัวให้พร้อมและทันต่อกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง ด้วยการเพิ่มการเรียนรู้ สร้างทักษะใหม่ (New Skill Set) ให้ทันท่วงที ค้นหาวิธีการรับมือไปพร้อมกับการเพิ่มองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาองค์กร ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงให้องค์กร “อยู่รอด แต่ต้อง อยู่ได้” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
ความท้าทายข้างต้น ผมรับมือด้วยการตัดสินใจเลือกเรียนต่อปริญญาโทบัญชี SPU ด้วยเหตุผลที่ว่า ปริญญาโทบัญชีSPU เป็นตลาดวิชาสำหรับคนรุ่นใหม่ เป็นแหล่งรวมความรู้ที่ทันสมัยทันต่อโลกที่หมุนอยู่ท่ามกลางกระแสดิสรัปชั่น (Disruption) เนื่องด้วย คณาจารย์ที่มากด้วยความรู้ประสบการณ์ตรงจากการทำงานด้านต่างๆ และเป็นมืออาชีพ รวมถึงการดูแลเอาใจใส่ ให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาเป็นอย่างดีในทุกเรื่องและด้วยหลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิตSPU เรียนจบได้ภายใน 1 ปี จึงทำให้สามารถนำองค์ความรู้จากการเรียนไปใช้ในการบริหารจัดการ การควบคุม การกำหนดแนวทางกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อให้สอดคล้องและพร้อมรับมือกับกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้จากการเรียนปริญญาโทบัญชีSPU มาใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจ การมองโลกในอนาคตข้างหน้าได้แม่นยำขึ้น จึงทำให้องค์กรสามารถ “อยู่ได้” ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง