ผลงานทางวิชาการ

   
บทคัดย่อ
          การทำธุรกิจขายของออนไลน์อย่างถูกต้องและเสียภาษีขายของออนไลน์" ผู้ขายของออนไลน์ที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลก็ต้องยื่นภาษี 2 รอบ
          รอบแรก: สิ้นปี ยื่นช่วงเดือน ม.ค.- มี.ค. (แบบ ภ.ง.ด. 90) จะเป็นการยื่นสรุปทั้งปีที่ผ่านมา
          รอบสอง: กลางปี ยื่นช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. (แบบ ภ.ง.ด. 94) เป็นการยื่นสรุปรายได้ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) โดยสามารถใช้ค่าลดหย่อนได้ครึ่งหนึ่ง
          ส่วนผู้ขายของออนไลน์ ที่มีรายได้ (ก่อนหักค่าใช้จ่าย) เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT โดยเสียภาษีอยู่ที่ 7% ของรายได้ และจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน หลังจากมียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาท ส่วนพืชผลทางการเกษตร สัตว์ ตำราเรียน ส่วนใหญ่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
 
คำสำคัญ :3-5 คำ ค้าขาย, ออนไลน์, ภาษี
 
Abstract
           Doing an online business properly and paying online sales tax" Online sellers who are natural persons not registered as juristic persons must submit 2 tax rounds.
           The first round: the end of the year, filed during Jan. - Mar. (Form P.N.D. 90) will be filing a summary of the previous year.
           Second round: mid-year, filed during July-Sept. (Form P.N.D. 94) is the filing of income summary can be obtained in the first half of the year (Jan.-June) with half the discount
As for online sellers with income (before deducting expenses) in excess of 1.8 million baht per year, must register for VAT or pay tax at 7% of their income and must register for VAT within 30 days after sales exceeded. 1.8 million baht. Most agricultural crops, animals, textbooks are exempt from VAT registration.

Keywords : Trade, On line, Tax,

บทนำ
          ธุรกิจค้าขายเป็นธุรกิจที่มีมานานแล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าธุรกิจแบบนี้จะเริ่มต้นได้ง่าย  ตราบใดที่เรามีลูกค้าก็สามารถค้าขายได้ ธุรกิจค้าขายคือ ธุรกิจที่ทำการค้าขายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางการขายต่าง ๆ  เพื่อสร้างรายได้และกำไร หลักการค้าขายเบื้องต้นก็คือ หลักการเดียวกันกับการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการของเจ้าของธุรกิจกับค่าเงินตราของลูกค้าและสาเหตุที่ธุรกิจค้าขายสามารถสร้างกำไรได้ก็เพราะว่ามนุษย์แต่ละคนให้คุณค่ากับสินค้าและกระบวนการแต่ละอย่างไม่เหมือนกันเช่น การลงทุนลงแรง ใช้เวลาไปติดต่อกับผู้ผลิต  นอกจากนั้นก็ยังมีการค้าขายด้วยการเพิ่มมูลค่าอย่างธุรกิจทำอาหาร การค้าขายมีทั้งข้อดีเริ่มต้นง่ายไม่ต้องจบปริญญาโทสาขาการขายหรือการตลาดก็เข้าใจและสามารถเรียนรู้และปฏิบัติได้หากไม่เป็นคนขี้อาย  สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้ดีและสามารถบวกตัวเลขกำไรขาดทุนเบ้องต้นได้ก็สามารถค้าขายได้ ผู้ประกอบการคนไทย (ไทย วินเนอร์, 2564) การทำธุรกิจค้าขายที่ดี 1. ควรมีการวางแผน การตั้งเป้าหมาย  2. การเงินควรจัดสรรให้เป็นระบบ เป็นสัดส่วน ก่อนลงทุนทำธุรกิจใดๆ เรื่อง ของการเงินเป็นเรื่องสำคัญ  3. สินค้า เป็นตัวชี้วัดว่าการค้าขายจะเจริญเติบโต  4. กลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้า5. คู่แข่ง  6. การบริการ (www.page365.net,2564)
          ปัจจุบันการทำธุรกิจค้าขายได้เปลี่ยนแปลงการทำธุรกิจการค้าแบบเดิม ๆ ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะ สามารถขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต  ในรูปแบบธุรกิจออนไลน์ได้ การทำธุรกิจออนไลน์ คือ การค้าขายและการให้บริการผ่านทางออนไลน์ โดยมีเว็บไซต์เป็นสื่อกลาง ในปัจจุบันทั้งเว็บไซต์ที่ต้องลงทุนทำขึ้นมาเองและเว็บไซต์ที่เปิดให้ทำการลง โฆษณาขายแบบฟรี ๆ  การทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันไม่ได้ทำขึ้นเพราะกระแส  แต่เป็นการทำขึ้นโดยการมองการณ์ไกลเพื่อสร้างรายได้แบบระยะยาวและสามารถยึดเป็นอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวได้
          การทำธุรกิจออนไลน์  อาจไม่ต้องมีสำนักงาน  ไม่ต้องมีพนักงานขายเพื่ออกหาลูกค้า  ไม่ต้องมีแผนกจัดส่งสินค้า  แต่อาจเติบโตได้เป็นที่รู้จักของลูกค้าโดยอาศัยเทคโนโลยี เว็บไซต์(Website) มีการพัฒนา มีการติดต่อสื่อสารผ่านทาง Internet การทำธุรกิจการค้าแบบเดิม ๆ ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะ สามารถขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต ในรูปแบบธุรกิจออนไลน์ได้ ใช้ต้นทุนต่ำและไม่ต้องจ้างพนักงานมากมายเหมือนแต่ก่อน การทำธุรกิจออนไลน์จึงกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน
          ความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์  การเริ่มลงมือทำธุรกิจขายของออนไลน์อย่างถูกต้อง  จะทำให้ร้านค้าออนไลน์เติบโตขึ้นเรื่อยๆสร้างอนาคตได้อย่างมั่นคง  ระยะยาว และเสียภาษีโดยถูกต้องครบถ้วนในทุกประเด็นภาษี และเสียภาษีเป็นจำนวนน้อยที่สุดหรือประหยัดที่สุด โดยไม่ใช่การหนีภาษี หรือการเลี่ยงภาษี
          การขายของออนไลน์" ยอดขายเท่าไร ถึงต้อง "ยื่นภาษี" ปัญหาที่หลายคนเจอ คือ อยากยื่นภาษีให้ถูกต้องแต่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีหรือไม่ ต้องเสียภาษีเมื่อไร และต้องเตรียมการยื่นภาษีอย่างไร(ผู้ที่ขายของออนไลน์ที่กำลังกล่าวถึงนี้ หมายถึง "คนขายของออนไลน์" ที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้จดทะเบียนบริษัทเท่านั้น)ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คนที่จะต้อง "ยื่นภาษี" คือคนที่มี "รายได้" หรือ "เงินได้"

วัตถุประสงค์
          เพื่อให้การเสียภาษีเป็นไปโดยถูกต้องครบถ้วนในทุกประเด็นภาษี และเสียภาษีเป็นจำนวนน้อยที่สุดหรือประหยัดที่สุด โดยไม่ใช่การหนีภาษี หรือการเลี่ยงภาษี
            ธุรกิจขายของออนไลน์ หลักการเตรียมตัวจัดการภาษี
          ขั้นตอนที่ 1 จดบันทึกรายการซื้อ-ขายสินค้า เพื่อนำมาใช้ในการทำบัญชีรายรับรายจ่ายรายวัน ทำให้ไม่ลืม ไม่สับสน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการเรื่องเงินได้ง่ายกว่าการทำย้อนหลังมากๆ
          ขั้นตอนที่ 2 เก็บหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการค้า ธุรกรรมทางการเงิน จะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเมื่อสรรพากรเข้ามาขอตรวจสอบอีกด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่ตรวจสอบพบว่าความถี่และจำนวนเงินโอนเข้าบัญชีเข้าเกณฑ์ภาษี อีเพย์เมนต์
          ขั้นตอนที่ 3 ศึกษาและติดตามข่าวสารทางด้านการเงินและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาษีอย่างต่อเนื่อง เพราะเงื่อนไขในแต่ละปี มีอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ การอัพเดทอยู่เสมอจะช่วยให้จัดการภาษีได้ถูกต้องตามเงื่อนไข จัดการการเงินของตัวเองได้อย่างเหมาะสม และไม่มีปัญหาย้อนหลัง
          การขายของออนไลน์ต้องเตรียมการยื่นภาษี (ผู้ที่ขายของออนไลน์ที่กำลังกล่าวถึงนี้ หมายถึง "คนขายของออนไลน์" ที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้จดทะเบียนบริษัทเท่านั้น) ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คนที่จะต้อง "ยื่นภาษี" คือคนที่มี "รายได้" หรือ "เงินได้" ตามที่กำหนด สำหรับบุคคลธรรมดาที่ต้องยื่นภาษีเมื่อมีรายได้มากกว่า 10,000 บาทต่อเดือน หรือ 120,000 บาท/ปี แต่ในกรณีบุคคลธรรมดา (ไม่เปิดขายในฐานะของบริษัท ห้างหุ้นส่วน) ที่มีรายได้จากการขายของออนไลน์ จะต้องยื่นภาษีเงินได้ประเภทที่ 8 หรือ ม.40 (8) โดยยื่นแบบ ภ.ง.ด.90, 94 เมื่อมีได้รายเกิน 60,000 บาท (กรณีโสด) หรือมีรายได้เกิน 120,000 บาท (กรณีสมรส) ซึ่งในกรณีที่ทำทั้งงานประจำ และขายของออนไลน์ก็จะต้องยื่นภาษีทั้ง 2 แบบ หากรายได้ถึงตามเกณฑ์ข้างต้น (http://www.rd.go.th/publish/6045.0.htmlX)
          การขายของออนไลน์ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน) ยังถือว่าเป็นบุคคลธรรมดาที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะมีวิธีการคำนวณ 2 วิธี คือ
          วิธีที่ 1 : (เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี ตามอัตราขั้นบันได
          การหักค่าใช้จ่ายในวิธีแรกสามารถทำได้ 2 แบบ คือ
          หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาๆ ได้ 60% ของรายได้
          หักตามจริง ถ้าใช้วิธีจะต้องทำ "บัญชีรายรับรายจ่าย" และ "เก็บหลักฐาน" ไว้ให้ครบถ้วนเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ
          วิธีที่ 2 : เงินได้ x 0.5%
          โดยจะใช้วิธีที่ 2 เมื่อเรามีรายได้เกิน 1 ล้านบาทต่อปี แล้วนำไปเปรียบเทียบกับวิธีแรก เพื่อเสียภาษีตามวิธีที่คำนวณได้คุ้มกว่า
           "ขายของออนไลน์" ต้องยื่นภาษีแบบไหน ยื่นเมื่อไร ผู้ขายของออนไลน์ที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลก็ต้องยื่นภาษี ถูกจัดอยู่ในเงินได้ประเภทที่ 8 คือเงินได้จากการขายของ ซึ่งจะต้องยื่นภาษี 2 รอบ
           รอบแรก: สิ้นปี ยื่นช่วงเดือน ม.ค.- มี.ค. (แบบ ภ.ง.ด. 90) จะเป็นการยื่นสรุปทั้งปีที่ผ่านมา
           รอบสอง: กลางปี ยื่นช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. (แบบ ภ.ง.ด. 94) เป็นการยื่นสรุปรายได้ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) โดยสามารถใช้ค่าลดหย่อนได้ครึ่งหนึ่ง เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 จะเหลือ 30,000
           ส่วนผู้ขายของออนไลน์ อาจต้องจ่าย "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" ด้วย ในกรณีที่มีรายได้ (ก่อนหักค่าใช้จ่าย) เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT โดยเสียภาษีอยู่ที่ 7% ของรายได้ ที่สำคัญคือจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน หลังจากมียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาท (พืชผลทางการเกษตร สัตว์ ตำราเรียน ส่วนใหญ่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม)
          หากมีภาษีมูลค่าเพิ่มผู้ประกอบการก็ต้องยื่นภาษีทุกๆ เดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป และมีหน้าที่ต้องออก "ใบกำกับภาษี" ให้กับผู้มาใช้บริการด้วย
          ขายของออนไลน์ ต้องรู้จัก "ภาษีอีเพย์เมนต์" ส่วนกรณีที่มีการซื้อขายหรือไม่ก็ตาม แต่มีการรับโอนเงินถี่ๆ ข้อมูลในบัญชีนั้นๆ จะถูกส่งให้สรรพากรตรวจสอบตาม "ภาษีอีเพย์เมนต์" ได้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. 62 โดยกำหนดให้ทางสถาบันการเงินต้องส่งข้อมูลการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของร้านค้าให้กับทางสรรพากรตรวจสอบ เมื่อเข้าเกณฑ์เงื่อนไขดังต่อไปนี้
          1. มีการฝากหรือรับโอนเงินเข้าทุกบัญชี 3,000 ครั้งต่อปีขึ้นไป ไม่ว่ายอดฝากต่อครั้ง หรือยอดรวมทั้งหมดจะเป็นกี่บาทก็ตาม
          2. มีการฝากหรือรับโอนเงินเข้าทุกบัญชีรวมกัน 400 ครั้งต่อปีขึ้นไป และมียอดเงินรวมกันทั้งหมดตั้งแต่ 2 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป
          ซึ่งการนับจำนวนครั้งและจำนวนเงิน นับตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. ของทุกปี
          โดยผู้ที่ส่งข้อมูลจำนวนเงินและจำนวนครั้งในการโอนตามเกณฑ์นี้ให้กับสรรพากร คือ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และผู้ประกอบธุรกิจบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์
          โดยข้อมูลที่ต้องรายงานแก่สรรพากร คือ
          1. ชื่อเจ้าของบัญชี
          2. เลขประจำตัวประชาชน
          3. จำนวนครั้งที่ฝากหรือรับโอน (ยอดรวม)
          4. จำนวนเงินที่ฝากหรือรับโอน (ยอดรวม)
          ทั้งนี้การตรวจสอบจะยังไม่ถือว่าเงินในบัญชีที่เข้าเกณฑ์เป็นรายได้ทั้งหมด จะต้องมีการวิเคราะห์กับข้อมูลอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ก่อนว่าเป็นรายได้ประเภทใด หากตรวจสอบพบว่าเป็นรายได้จริง (https://www.rd.th)

ข้อดีหรือประโยชน์
           1. เป็นการตัดสินใจเตรียมการปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ หรือการทำธุรกรรม ไว้ล่วงหน้า โดยคำนึงถึงประเด็นหน้าที่ทางภาษี เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการนั้นเสียภาษีน้อยลง หรือไม่เสียภาษีเลยโดยถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่ใช่การหนีภาษี หรือการเลี่ยงภาษี
           2. การเสียภาษีเป็นไปโดยถูกต้องครบถ้วน

สรุป
          ขายของออนไลน์" ผู้ขายของออนไลน์ที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลก็ต้องยื่นภาษี 2 รอบ
          รอบแรก: สิ้นปี ยื่นช่วงเดือน ม.ค.- มี.ค. (แบบ ภ.ง.ด. 90) จะเป็นการยื่นสรุปทั้งปีที่ผ่านมา
          รอบสอง: กลางปี ยื่นช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. (แบบ ภ.ง.ด. 94) เป็นการยื่นสรุปรายได้ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) โดยสามารถใช้ค่าลดหย่อนได้ครึ่งหนึ่ง
          ส่วนผู้ขายของออนไลน์ ที่มีรายได้ (ก่อนหักค่าใช้จ่าย) เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT โดยเสียภาษีอยู่ที่ 7% ของรายได้ และจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน หลังจากมียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาท ส่วนพืชผลทางการเกษตร สัตว์ ตำราเรียนส่วนใหญ่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อเสนอแนะ
          การมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกับการเสียภาษีเป็นสิ่งที่ทุกคนควรตระหนักและให้ความสำคัญ  ดังนั้นจึงควรทำให้ถูกต้องและเพื่อเป็นการแสดงให้กรมสรรพากรรับรู้

บรรณานุกรม
กรมสรรพากร. (2564).(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก: https://www.rd.th
https://www.page365.net
TAOKAEMAI.(2564).(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก: https://taokaemai.com.
ไทยรัฐ. (2564).(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:https://www.thairath.co.th