วิกฤต หรือ โอกาส กับตลาดนักบัญชี ปี 2020
04
Sep
ในอดีตเมื่อมีคนมาถาม ถึงเหตุผล ว่า “ทำไมถึงเลือกเรียนบัญชี” เราก็จะตอบกลับไปทันทีด้วยความภาคภูมิใจ ว่า “เพราะ เรียนบัญชีแล้ว หางานง่าย ไม่ตกงาน” ซึ่งที่ผ่านมาเหตุผลนี้ ยังคงใช้ได้และเป็นจริงมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อเข้าสู่ยุคที่มีการนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial intelligence) เข้ามาประยุกต์ใช้มากขึ้น และเมื่อ AI เริ่มเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ มากขึ้นเรื่อยๆ นักบัญชีอย่างเราๆ จึงถูกมองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะตกงานในอนาคต อันใกล้ หลายท่านให้ความเห็นว่า อาจถึงคราว วิกฤต ของนักบัญชีแล้วก็เป็นได้
เมื่อ AI ถูกนำไปประยุกต์ใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ใช่เฉพาะในภาคเอกชนเท่านั้น ในหน่วยงานของรัฐหลายภาคส่วน ก็เช่นกัน โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง กรมสรรพากร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นำอย่างแท้จริงในด้านนี้ ที่พยายามพัฒนาศักยภาพ และรูปแบบการทำงาน โดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบ ในเรื่องการจัดเก็บภาษี ให้ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นธรรมมากขึ้น ตามสภาพข้อเท็จจริงของกิจการ อย่างที่เราๆ ท่านๆ ทราบถึงกิติศัพท์ กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
และด้วยเหตุนี้เอง เป็นจุดชนวนที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกของธุรกิจ วงการนักบัญชีภาษี อย่างมากมาย เริ่มจาก ผู้ประกอบการฯ ที่อยู่นอกระบบ ต่างทยอยกัน ตบเท้าเดินเข้าสู่ระบบ ทั้งด้วยความเต็มใจ และจำใจ (เนื่องจาก AI อีกเช่นกัน) เพราะมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นของภาครัฐ ทำให้ยากที่จะหลบอยู่ในมุมมืดได้ต่อไปอีกแล้ว จะเห็นได้จากสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลรายใหม่ เพิ่มขึ้นหลักหลายร้อยหลายพันรายต่อวันอย่างต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่ง ผู้ประกอบการฯ ที่ในอดีตมีการทำบัญชีหลายชุด หลบเลี่ยงภาษี ในยุคปัจจุบันนี้ AI อีกเช่นกัน ที่เป็นเครื่องมือหลักในการช่วยตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูล ของกรมสรรพากร ก็ทำให้หลายองค์กรเริ่มปรับตัว ที่จะทำบัญชีชุดเดียว ให้ถูกต้องตรงกับสภาพข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น
เล่ามาถึงตรงนี้้ ทุกท่านเริ่มจะพอมองเห็นโอกาส ในวิกฤต กันบ้างหรือยังคะ? ว่าจริงๆ แล้วการตลาดของนักบัญชีในปี 2020 นี้ ยังไม่ได้ดูย่ำแย่อะไรตรงไหนเลยแม้แต่น้อย กลับมีโอกาสเติบโตมากยิ่งขึ้นเสียอีกด้วยซ้ำ เพราะผู้ประกอบการฯในระบบฯ เพิ่มปริมาณมากขึ้นมากมายราวกับดอกเห็ด แต่นักบัญชีในตลาดปัจจุบัน ที่พร้อมปรับตัวไปกับเทคโนโลยีใหม่ยังขาดแคลนอีกมาก จึงนับว่าเป็นโอกาสอย่างยิ่งในการพัฒนาอาชีพนักบัญชี ให้เติบโตไปพร้อมๆ กับบผู้ประกอบการฯ โดยที่ไม่ต้องทำงานหนักเป็นเครื่องจักรเหมือนในอดีต เพราะมี AI เข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือในการทำงานพื้นฐาน แทนมนุษย์ แต่มนุษย์นักบัญชีที่ชาญฉลาดอย่างเราๆ ควรหันมาพัฒนาความรู้ความสามารถ และเพิ่มทักษะใหม่ๆ ในการใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีใหม่ เพื่อช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม่นยำมากขึ้น แต่ใช้เวลาน้อยลง เน้นวิเคราะห์ข้อมูล อ่านตัวเลขเป็นเรื่องราว ให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการ ในการนำข้อมูลจากรายงานต่างๆ ทางบัญชีและการเงิน ไปวางแผนพัฒนาต่อยอดธุรกิจ ได้ต่อไป
กล่าวโดยสรุปคือ นักบัญชี ที่กลัวจะตกงาน เนื่องจากเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ ก็จะตกงานจริงๆ หากมัวแต่กังวล และวิตก โดยไม่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะตัวคุณจะกลายเป็นเครื่องมือที่ล้าสมัยกว่า AI ในยุคปัจจุบัน แต่หากคุณ ลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเอง เรียนรู้ ทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็น ทำงานร่วมกับ AI ได้ สิ่งนี้ต่างหากที่จะกลายเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ และเพิ่มมูลค่าให้แก่ตัวเอง เพราะคุณกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งขาดแคลนบุคคลกลุ่มนี้อย่างมาก โดยที่ AI ก็ไม่สามารถมาแทนที่ท่านได้ และ สำหรับคำตอบเดิมๆ ที่ว่า “เราเลือกเรียนบัญชี เพราะหางานง่าย ไม่ตกงาน” นี้ ก็จะยังคงเป็นจริงได้อยู่เสมอไม่ว่าปีนี้ หรือปีไหนๆ มาเถอะค่ะทุกท่าน มาช่วยกัน เปลี่ยน วิกฤตของใครๆ ให้เป็นโอกาสของเรา กันดีกว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน ที่ยังไม่หยุดพัฒนาตัวเอง นะคะ
--------------------
คุณฐิตาพร กุลศิริวนิชย์
นักศึกษาหลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม
กรรมการบริษัท ศิริกุลการบัญชี จำกัด
คุณฐิตาพร กุลศิริวนิชย์
นักศึกษาหลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม
กรรมการบริษัท ศิริกุลการบัญชี จำกัด