คุณสุปราณี : การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของโลกที่เทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจทั้งเป็นกิจการเจ้าของคนเดียว SME และผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจประเภทต่างๆ ทราบดีว่ายุคนี้มีทั้งที่เกิดขึ้นจนประสบความสำเร็จมากมาย และอีกส่วนที่ต้องปิดกิจการลงเนื่องจากไม่สามารถปรับตัวหรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงนี้ได้ ส่วนใหญ่การปรับตัวของเจ้าของธุรกิจแต่ละรายมักเลือกใช้กลยุทธ์แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความพร้อมในด้าน เงินลงทุน วัตถุดิบ ทรัพยากร และบุคลากรในองค์กรซึ่งถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “นักบัญชี” คือหนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญเสมือเพื่อนคู่คิดของผู้บริหาร หรือ CEO ซึ่งจะนำพาธุรกิจให้อยู่รอดและประสบความสำเร็จได้ในยุคดิจิทัลนี้ได้

คุณสุปราณี : จากที่ได้กล่าวว่า  “ความอยู่รอดของธุรกิจต้องมีนักบัญชีเป็นเพื่อนคู่คิด” ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยการทำธุรกิจจะต้องมีนักบัญชีคอยช่วยเหลือ ตั้งแต่อดีตเราจะเห็นว่านักบัญชีมีหน้าที่หลักคือ ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของกิจการ คอยเก็บรวบรวมตัวเลขกระแสการไหลเวียนของเงินที่วิ่งไปในแต่ละส่วนของกิจการ เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่ไหลไปเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย นักบัญชีจึงเป็นผู้ที่เห็นภาพรวมของการทำงานรวมถึงการใช้จ่ายเงินของกิจการได้ดีที่สุด ซึ่งมักจะได้ยินนักบัญชีพูดอยู่เสมอๆว่า “เป็นนักบัญชีต้องรู้ทุกเรื่องของกิจการ” 


ดังนั้นนักบัญชียุคนี้ไม่ใช่ทำหน้าที่เพียงแค่การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของกิจการอีกต่อไป แต่ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นนักบัญชีบริหารที่มีหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน จัดทำและวางแผนภาษี และวางแผนงบประมาณล่วงหน้าทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงจัดทำรายงานเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง เพื่อวิเคราะห์หาผลต่างที่เกิดขึ้นเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนขึ้นอยู่กับขนาดของกิจการและนโยบายการบริหารงานของแต่ละกิจการ  ซึ่งปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่ๆ มักจะแยกทำงบหรือรายการทางการเงินเพื่อการบริหาร (Management Report) เป็นรายงานที่แสดงให้เห็นผลประกอบการแยกตามส่วนงานหรือหน่วยงานย่อย (Business Unit) เพื่อแสดงให้เห็นผลงานของแต่ละส่วน และเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของหน่วยงานนั้นๆ เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้บริหารใช้ในการตัดสินใจบริหารงานให้ดีขึ้น หรือ ปรับเปลี่ยนแก้ไขวิธีการทำงานและกลยุทธ์ ในการบริหารงานเพื่อนำพาให้ธุรกิจสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้เพื่อความอยู่รอดของกิจการ 

คุณสุปราณี : จากหัวข้อที่แล้วจะเห็นได้ว่า ข้อมูลที่ผู้บริหารนำมาใช้ในการบริหารธุรกิจ ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยนักบัญชีบริหารที่มีความรู้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์จัดการข้อมูล เข้าใจธุรกิจและตลาดในยุคดิจิทัล ดังนั้นนักบัญชีบริหารสมัยนี้ต้องไม่นั่งรอให้ข้อมูลวิ่งมาหาเหมือนสมัยก่อนแล้ว  แต่คุณต้องวิ่งเข้าหาข้อมูลแทนโดยการผูกสัมพันธ์กับบุคลากรฝ่ายอื่นๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก ได้แนวคิด ได้เห็นวิธีการทำงาน ได้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพียงพอเพื่อนำมาใช้ในการคิดวิเคราะห์ วางแผนนำเสนอแผนกลยุทธ์เสนอต่อผู้บริหาร เพื่อกำหนดเป็นนโยบายการทำงานหรือการบริหารงานขององค์กร สิ่งนี้ถือเป็นทักษะที่นักบัญชีบริหารยุคนี้ต้องมี