วันนี้แอดมินจะพาไปรู้จักหนุ่มวิทยาลัยนานาชาติ มหาลัยศรีปทุมของเราคนหนึ่ง ที่หากได้ยินเพลงเกาหลีขึ้นมาสักเพลงหนุ่ม “แน็ทธิว” หน้าใสลุคโอปป้าเกาหลี ผู้มีสีผมสุดจี๊ดที่ใครเห็นแล้วต้องหันมองคนนี้ จะต้องออกสเต็ปการเต้น cover ได้อย่างเผ็ดร้อนอย่างแน่นอน แถมฝีมือการเต้นนั้นก็ใช่ว่าจะธรรมดา เพราะแน็ทธิวของเรานั้นเต้นเก่งจนคว้ารางวัลบนเวทีใหญ่มาแล้ว หากใครอยากรู้จักโอปป้า “แน็ทธิว” คนนี้ก็ตามมาดูไลฟ์สไตล์ของเขากันเลย!
แน็ทธิว : สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน ผมมีชื่อว่า แน็ทธิว หรือ ณัฐพงศ์ สิตประเสริฐนันท์ เรียนจบจากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2 ปัจจุบันแน็ทธิวเรียนอยู่ที่วิทยาลัยนานาชาติ สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุมครับผม มีงานอดิเรกคือเต้น และหากให้ผมเลือกเป็นฮีโร่ได้ 1 ตัว ผมขอเป็นเบ็นเท็นครับ คิดว่าออมนิทริกซ์ที่เป็นอุปกรณ์แปลงร่างของเขานั้นมีประโยชน์มาก สามารถแปลงร่างได้หลายตัว ใช้ได้หลายสถานการณ์ดีครับ
แน็ทธิว : ย้อนกลับไปในช่วงที่ผมเรียนมัธยม ผมนี่เป็นนักกิจกรรมตัวยงเลยก็ว่าได้ (หัวเราะ) ช่วงที่พีคสุดๆ ก็จะเป็นประมาณช่วง ม.ปลาย ครับ ตอนนั้นรับหน้าที่รองประธานนักเรียน มีหน้าที่ที่ต้องทำเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นประชุมสภา จัดกิจกรรมในโรงเรียน แก้ไขปัญหาในโรงเรียน ควบคู่ไปกับซ้อมเต้น เรียนหนังสือด้วย ถามว่าเหนื่อยไหม ตอบได้เลยว่าเหนื่อยครับ แต่ผมคิดเสมอว่า ถ้าความเหนื่อยของเรามันทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม และทำให้ พี่ๆ น้องๆ ในโรงเรียนมีความสุข ผมก็เต็มที่และเต็มใจที่จะทำอย่างสุดความสามารถ และที่สำคัญคือต้องขอบคุณ คุณครู เพื่อนๆ ในโรงเรียนทุกคนที่คอยซัพพอร์ต และให้กำลังใจผมจนผ่านช่วงนี้มาได้ครับ
แน็ทธิว : ส่วนงานอดิเรกที่บ่งบอกความเป็นแน็ทธิวมากที่สุด และเป็นชีวิตจิตใจของผมเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือการเต้นครับ จุดเริ่มต้นการเต้นของผม ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงเข้ามัธยมเลยครับ จำได้ว่าช่วงนั้นจับกลุ่มเต้นกันเล่นๆ กับเพื่อนในห้องนี่แหละ ก็จะมีเพื่อนคนหนึ่งอาสาเอาลำโพงมาเปิดให้ เช้ามาโรงเรียนก่อนเข้าแถวก็เต้น พักเที่ยงก็เต้น ตกเย็นก่อนกลับบ้านก็เต้น บ้าเต้นมากจนถึงขั้นระหว่างเปลี่ยนคาบเรียนแค่ไม่ถึง 5 นาที ก็สามารถลุกขึ้นมาเปิดเพลงเต้นกันได้ครับ (หัวเราะ) จนมาถึงช่วง ม.2-3 ก็เริ่มเป็นจุดเปลี่ยนครับ เริ่มมีการฟอร์มวงเกิดขึ้นในโรงเรียน จำได้แม่นเลยว่าช่วงนั้นเต้นกันไปคนละทิศคนละทาง กว่าจะประคับประคองกันมาได้นี่ก็สาหัสอยู่ ท้อจนแทบจะยุบวงเลยแหละครับ แต่พอมาถึงจุดหนึ่งพวกเราก็เริ่มจริงจังกันมากขึ้น ทุกคนในวงพากันไปเรียนเต้น ซ้อมหนักขึ้น ก็เริ่มแข่งขันในโรงเรียนบ้าง แข่งขันนอกโรงเรียนบ้าง จนได้รับรางวัลกลับมาสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนครับ
แต่เวลาก็ผ่านไปเร็วมากๆ เช่นกัน พอผมเรียนจบ ม.6 ทุกคนก็ต้องแยกย้ายจากกันไป เหลือไว้เพียงความทรงจำที่มีอยู่ แต่เส้นทางการเต้นของผมยังไม่จบเท่านี้ครับ เพราะปัจจุบันผมยังคงฝึกฝนและฝึกซ้อม จนได้มีโอกาสได้เข้าร่วมกับทีม Cover Dance ทำสิ่งที่รักในทุกๆ วันอยู่ครับ ขอแอบอวดหน่อยว่ารางวัลล่าสุดคือ ทีมผมเพิ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ To be number one Cover Dance Contest 2019 และรางวัลรองชนะเลิศ งาน KCON Thailand 2019 ด้วยครับ
แน็ทธิว : ย้อนไปตั้งแต่ช่วง ม.6 ที่เป็นช่วงพีคและถึงจุดเปลี่ยน เราต้องเลือกเส้นทางว่าจะเรียนอะไรต่อ บอกเลยว่าตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ตึงเครียดสุดๆ เลยครับ เพราะว่าหลายๆ คนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรู้จัก ต่างก็พูดกับผมว่าเลือกเรียนเอกชนจะดีหรอ? ลองสอบ ม.รัฐบาล ดีกว่าไหม? คิดดีแล้วหรือยัง ตอนนั้นยอมรับว่ามันทำให้ผมไขว้เขวและวนเวียนอยู่กับตัวเองนานมากๆ เลยครับ จนผมตัดสินใจที่จะเข้ามาดูการเรียนการสอนภายในมหาวิทยาลัยศรีปทุมด้วยตัวเองเลย
“เพราะผมเชื่อเสมอว่าการเรียน
มันควรเป็นสิ่งที่เราควรได้เลือกด้วยตัวเอง
เราเรียน คนอื่นไม่ได้มาเรียนกับเราด้วย”
หลังจากนั้นผมก็ได้คำตอบให้กับตัวเองทันทีเลยครับ เพราะอาจารย์ รุ่นพี่ที่ ม.ศรีปทุม ได้ให้คำแนะนำและคำปรึกษากับผมดีมากๆ หลักสูตรการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยเองก็ทันสมัยและตอบโจทย์กับการทำงานในปัจจุบัน และมันตรงกับสิ่งที่ผมต้องการมากๆ ผมจึงเลือกเรียนที่นี่ครับ และถ้าให้ผมย้อนกลับไปเลือกอีกกี่ครั้ง ผมก็จะยังคงเลือกเรียนที่ ม.ศรีปทุม เหมือนเดิมครับ และพอผมได้เข้ามาเรียน ได้สัมผัสชีวิตในรั้วมหาลัยนี้ สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดในมหาลัยคือความอบอุ่นระหว่างเพื่อนและอาจารย์ครับ นักศึกษากับอาจารย์ที่นี่ทักทายกันอย่างเป็นกันเอง ผมคิดว่ามันเป็นพลังบวกที่ทำให้เรามีกำลังใจ และสามารถเรียนในห้องได้อย่างไม่อึดอัด สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับอาจารย์ได้อย่างเป็นกันเองครับ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นข้อดีนะ ก็อยากฝากถึงน้องๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ อยากให้ลองมาดูที่นี่ มาเรียนด้วยกันนะครับ พี่ๆ พร้อมให้คำปรึกษาเสมอ
แน็ทธิว : ผมว่าการเรียนในสมัยมัธยม กับ ช่วงมหาลัยมีความยากง่ายที่ต่างกันครับ ด้วยความที่ระบบการเรียนมันไม่เหมือนกัน อย่างถ้าสมัยเราเรียนมัธยม จะมีคุณครูคอยควบคุมเราอยู่ตลอดเวลา ให้เราต้องเข้าเรียนทุกคาบ คอยตามให้เราส่งงาน แต่ในมหาลัยเราจะค่อนข้างมีอิสระขึ้น อย่างเช่นในคาบเรียนอาจมีเช็คชื่อบ้าง ไม่เช็คชื่อบ้าง ทำให้เราต้องเป็นคนรับผิดชอบตัวเองเสมอ ซึ่งสิ่งนี้คอยฝึกฝนให้เรารู้จักการพึ่งพาตัวเองได้ และช่วยปรับให้เรามีความรับผิดชอบจนถึงวัยทำงานครับ ซึ่งสำหรับผม ผมชอบการเรียนในมหาวิทยาลัยมากกว่านะ ผมรู้สึกว่าการเรียนในมหาลัยที่นี่ เป็นการเรียนที่เน้นการ discuss วิเคราะห์ แชร์ความคิดกันในคลาสเรียน มากกว่าไปนั่งฟังอาจารย์บรรยายให้เราฟัง การเรียนวิชาหนึ่งก็เรียนรวดเดียวไปเลย 3 ชั่วโมงแล้วจบ มันกระชับและต่อเนื่องมากกว่าครับ
แน็ทธิว : ความฝันในอนาคตของผม คือการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารกับต่างประเทศ และถ้าไม่ติดอะไร ผมมีความตั้งใจอยากเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศด้วยครับ ซึ่งคณะที่ผมเลือกเรียนคือวิทยาลัยนานาชาติ มันเป็นสิ่งที่สามารถต่อยอดความฝันของผมได้แน่ๆ เพราะเราได้ฝึกฝนใช้ภาษา ซึ่งภาษานี่แหละสำคัญมาก รองลงมาคือผมได้รู้จักกับเพื่อนต่างชาติในคลาส เลยได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเพื่อนต่างชาติไปด้วย ทำให้ผมคิดว่าคณะที่ผมเลือกเรียน ตอบโจทย์กับอนาคตของผมที่สุดแล้วล่ะครับ
มาถึงคำถามที่ใครหลายๆ คนอยากรู้! โอปป้าแน็ทธิว ผู้วางแผนทั้งด้านการเรียนและงานอดิเรก คนนี้ จริงๆ แล้วยังโสดอยู่ไหมน้าาาา?
แน็ทธิว : ข้อนี้ตอบยากมากกก เพราะผมก็ไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านความรักสักเท่าไร ตรงๆ คือเกิดมายังไม่เคยมีแฟนเลยครับ (หัวเราะ) ความรักในวัยเรียนในมุมมองของผมนะ ผมคิดว่าถ้าทุกอย่างมันอยู่ในความพอดี รู้จักแยกแยะว่าอะไรควร ไม่ควร และทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อน ความรักก็จะเป็นสิ่งที่สวยงามและเติมเต็มให้ชีวิตของเราสมบูรณ์ขึ้นได้ครับ ส่วนเรื่องสเปคของผม ผมชอบคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล อยู่ด้วยกันแล้วไม่งอแง ให้เกียรติและความเป็นส่วนตัวกันและกัน เท่านี้เลยครับ ผมไม่ได้โหดนะ (หัวเราะ)
แน็ทธิว : หากใครอยากเป็นเพื่อนหรืออยากติดตามผม ขอฝากเป็นวงทีมเต้นของผมก็แล้วกันครับ สามารถติดตามและดูคลิปเต้นได้ที่ทาง
- IG : dpfamily.official , devotion.x1 และ dp_growth
- IG : natthew.ntp ไอจีส่วนตัวผม
- Youtube Channel : DP OFFICIAL
ผลงานล่าสุดของผมอยู่ใต้บทความนี้เลย ลองรับชมกันได้นะครับ